ขณะจ่อมมองมวลใบไม้ล่องไหลไปกับสายธารริน นอกจากนึกถึงต้นธารที่มาของสายน้ำอันยาวไกลแล้ว ยังมองเห็นภาพมวลใบไม้ทั้งหลายที่กำลังเดินทางด้วยพลังของสิ่งอื่น
ใบไม้เบื้องหน้าเพิ่งปลิดหล่นจากต้นได้ไม่นาน บ้างสีเหลืองแซมน้ำตาล บ้างขั้วใบยังสดเขียว และที่ไหลติดกันมาเป็นแพยาวล้วนแต่ใกล้จะเปื่อยยุ่ย มองแล้วก็ฉุกคิดถึงใบไม้ในป่าใหญ่ที่เคยอาศัยร่มเงา
ม่านแพรสีเขียวว่ายฟ้อนดูราวกับขบวนแห่แหนอันน่าตื่นตา เริงระบำตามจังหวะดนตรีแห่งสายลมโบยโบก ยามปลายกิ่งเล็ก ๆ ขยับเคลื่อน เหล่าใบไม้ที่เกาะอยู่ตามกิ่งก็พลันสั่นไหวกับกระแสลมอ่อนโยน
เพียงสั่นไหวด้วยท่าทีเริงร่า มิได้สั่นสะท้านหวาดกลัว ใบไม้ทั้งหลายยังเกาะแน่นกับกิ่งก้าน เต็มเปี่ยมกับพลังชีวิต ดุจเดียวกับคนหนุ่มสาวซึ่งทะยานไปกับความฝันบรรเจิด
ใบไม้และทุกชีวิตล้วนมีต้นธารที่มา ผลิจากกิ่งที่สยายสู่แสงแดดและสายลม เติบงามกับสายฝนหลั่งรินผ่านฤดูกาล ผนึกแน่นกับนวลเนื้ออันชุ่มหวานของก้านและกิ่ง ทุกครั้งที่สายลมแรงพัดผ่าน ใบไม้เยาว์วัยสั่นเบา ๆ ประดุจเสียงหัวเราะระริก หยอกล้อกับสายลมผู้ผ่านทางด้วยความคึกคะนอง
จากสีเขียวอ่อนเยาว์สู่ความเข้ม หนาและแกร่งพร้อมรายละเอียดแห่งลายใบฉกาจฉกรรจ์กับแดดจ้าและลมแรง ผงาดรับฝนที่เทกระหน่ำลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าใบไม้เหล่านั้นคืออมตะ ตรึงแน่นกับกิ่งก้านอยู่เช่นนี้นานนิรันดร์
จนกระทั่งสีเขียวเข้มค่อย ๆ ซีดจาง วสันตฤดูทิ้งป่ากว้างเอาไว้เบื้องหลัง ฟ้าโล่งส่งยิ้มมาพร้อมแสงดาว ดนตรีแห่งสายลมหนาวโหมโรงผ่านยอดเขาทะมึน
แม้มิได้เดียวดายกับสีสันที่เปลี่ยนไป แต่มวลใบไม้สีเหลืองต่างหวาดหวั่นต่อกระแสลม ไม่เหลือความกล้าหาญที่จะดีดต้นและเริงระบำเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน พวกมันรู้ตัวว่าเรี่ยวแรงลดน้อย ขั้วใบที่ผนึกกับกิ่งก้านมิได้แน่นหนามั่นคงเหมือนก่อน
ลมหนาวประหนึ่งบทเพลงแห่งการจากลา โหมโรงจากสันภูสูง แตกตัวแทรกผ่านผืนป่ากว้าง ละเลียดเหนือธารหนาวที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ ค่อย ๆ โอบคลุมทุ่งกว้างและเส้นทางของสรรพชีวิต
มวลใบไม้เหลืองค่อย ๆ ปลิดร่วง บ้างค้างนิ่งบนป่าหญ้า บ้างร่วงลงสู่ลำธารลอยไหลห่างจากลำต้นและก้านกิ่งที่เคยยึดติดไกลออกไป
เหล่าใบไม้สีเหลืองที่ยังรอชะตากรรมของตนบนกิ่งสูง หากมีดวงตาและมองต่ำลงไปยังโคนต้น ย่อมมองเห็นญาติพี่น้องและผองเพื่อนใบไม้ที่หล่นร่วงลงไปก่อนหน้าก่ายกองทับถมกันเป็นชั้น ๆ และหากมีหัวใจรู้สึก ย่อมจะเศร้าสร้อย จากนั้นหากมีสมองและประสบการณ์ชีวิต ย่อมสำนึกในวิถีที่เป็นไปและสัจธรรมอันไม่อาจหลีกเลี่ยง
ผมจ่อมมองใบไม้ในกระแสธาร ลมหนาวยังส่งเสียงขับกล่อมเพียงแต่ผมไม่ได้รู้สึกเศร้าและใจหายกับการจากพราก เพราะชีวิตที่ผ่านมาได้พร่ำสอนจนขึ้นใจ ไม่ว่าอะไรก็ตามเกิดมาเพื่อจะดับ การพบพานกับสิ่งไหนก็ตาม ท้ายที่สุดก็ย่อมจะพลัดพรากจากลา
หันไปอีกทางหนึ่ง กองใบไม้แห้งที่ทับถมล้อมโคนต้นกำเนิดของพวกมันไว้ ประหนึ่งหมู่มวลใบไม้เหล่านั้นพร้อมเปื่อยยุ่ยเพื่อหล่อเลี้ยงรากและลำต้น เพื่อส่งผ่านความอุดมสมบูรณ์ไปสู่กิ่งก้าน และมวลใบพฤกษารุ่นใหม่ที่จะผลิงามรับฤดูกาลต่าง ๆ จนกว่าจะปลิดร่วงลง
ขณะจ่อมมองใบไม้แห้งในกระแสธาร ผมไม่เพียงเห็นภาพของใบไม้แต่ละวัยที่เปลี่ยนผ่านจากต้นไปจนจบบทสุดท้าย หากเหมือนกำลังสดับบทเพลงชีวิต นอกจากไพเราะและแสนเศร้าแล้ว ยังเปี่ยมด้วยความงาม ความหมายและข้อคิด
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อจะดับ ไม่ว่าอำนาจ การครอบครอง ความรุ่งเรือง และการยึดติดถือมั่นทั้งปวง
ไม่เพียงใบไม้ ชีวิตมนุษย์ก็เฉกเช่นกัน..
วันอาทิตย์, เมษายน 09, 2560
วันเสาร์, เมษายน 08, 2560
ชีวิตมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้
ชีวิตมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ : รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ จากออล แม็กกาซีน
ไมเคิล เหลียง นักจัดรายการวิทยุยอดนิยมของฮ่องกงเขียน 'บันทึกช่วยจำสำหรับลูก' ให้ลูกชายได้ประทับใจมาก มีเนื้อหาที่เขาบอกให้ลูกจดจำไว้ในชีวิตหลายข้อที่น่าสนใจ จนขอนำมาสื่อสารต่อ
"..คนที่ทำไม่ดีกับลูก ลูกอย่าได้ติดใจนัก ในชีวิตของลูกไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก นอกจากพ่อกับแม่แล้วใครดีกับลูก ลูกต้องถนอมรัก รู้คุณ"
มีคนจำนวนไม่น้อยบ่นน้อยใจกับการทำความดีแล้วไม่ขึ้น กล่าวคือไม่มีใครซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณ หรือไปไกลถึงกับกล่าวว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย ทำดีแทบตายแต่กลับไม่ได้ดี คนเหล่านี้ต้องอ่านข้อความข้างต้นให้ดีแล้วจะเข้าใจชีวิต เพราะไม่จำเป็นเลยว่าโลกจะต้องให้ความยุติธรรมแก่คุณหรือคนต้องซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณเรา
ไม่มีกลไกอะไรในโลกที่จะทำให้โลกให้ความยุติธรรมแก่เรา หากเข้าใจเช่นนี้ก็ไม่ต้องคาดหวังใด ๆ ทำสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยอมรับภายใต้ความจริงของชีวิต ตลอดจนไม่คาดหวังสิ่งใดจากใคร แล้วก็จะไม่ผิดหวัง อย่าลืมว่า "..ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก.."
แต่เมื่อมีใครดีกับเราแล้ว นอกจากพ่อแม่ซึ่งเป็นที่สุดของที่สุดแล้ว เราต้องให้คุณค่าแก่ความดีที่คนอื่นทำให้กับเรา ถนอมความรักปรารถนาดีที่เขาให้และจงรู้คุณ เพราะเขาไม่มีหน้าที่ต้องทำดีกับเรา แต่เขาก็ยังทำให้
อีกข้อหนึ่งก็คือ "..ความรักเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง และความรู้สึกนี้จะเปลี่ยนได้ตามเวลาและสภาพจิตใจ ถ้าคนที่ลูกรักที่สุดจากลูกไป ขอให้อดทนรอคอยสักหน่อย ให้เวลาค่อย ๆ ชะล้างให้จิตใจค่อย ๆ นิ่งลง ความขมขื่นของลูกก็จะค่อย ๆ จืดจาง อย่าได้ขยายความงดงามของความรักจนเกินงาม และอย่าได้ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควร.."
สำหรับคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาพอควรแล้วจะบอกว่าเมื่ออ่านแล้วมันจริงยิ่งกว่าจริง ในชีวิตของคนเรานั้นจะพบกับความผิดหวังในรัก สูญเสียสิ่งที่เรารักไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ คนรัก ลูกหลาน สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของที่เราให้คุณค่าสูงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เสมอ ถ้าเราทราบความจริงของชีวิตเช่นนี้แล้วจะทำให้เราอยู่ในโลกได้ และอย่างมีความสุขพอควรถึงแม้จะสูญของรักไปก็ตาม
เวลาคือหัวใจสำคัญของการทำใจให้นิ่ง ไม่มียาใดที่มีประสิทธิภาพไปกว่า 'ยาเวลา' ธรรมชาติสร้างให้ความทรงจำของเราเสื่อมไปตามวันเวลาเสมอ คนสูงอายุที่ประสบความทุกข์มามากมายในชีวิต หากความทรงจำไม่เลือนไปก็จะมีความทุกข์เกินสมควรในใจ
ฝรั่งบอกว่ามีอยู่ 3 คำที่จะเตือนใจมนุษย์ให้สู้กับชีวิต ไม่ว่าจะมีอะไรเป็นลบที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราก็ตาม 3 คำนี้ก็คือ 'Life goes on' หรือ ('ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น) ชีวิตดำเนินไปเสมอ' ไม่ว่าแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ผู้คนตายมากมายเท่าใดก็ตาม ชีวิตของคนที่รอด หรือชีวิตของญาติพี่น้องก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่เสมอ คนอยู่ก็อยู่กันต่อไปดิ้นรนต่อสู้กันไป คนหกล้มต้องจำไว้ว่าชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และโอกาสที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งก็มีเสมอ ตราบที่เราไม่ยอมแพ้ และตระหนักถึงความจริงที่ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น 'ชีวิตมันดำเนินไปเสมอ'
ในเรื่องความรัก ผู้ที่เห็นความงามของความรักมากเกินไปจะเจ็บปวดมากกว่าอื่น ๆ เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น ความละเอียดอ่อนของจิตใจกลายเป็นหอกดาบมาทิ่งแทงใจ แต่ถ้าหากเป็นคนที่สังเกตชีวิตของผู้คนอื่นอยู่เนือง ๆ ก็จะรู้ว่าความงามเป็นสิ่งที่เหี่ยวเฉาได้ และเมื่อผนวกกับความรักซึ่งเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งแปรเปลี่ยนได้ตามสภาพจิตใจและเวลา ดังนั้นความงามของความรักจึงมีข้อจำกัดเพราะกลายเป็นสิ่งชั่วคราวไปด้วย
สำหรับผู้ที่ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควรนั้น ก็มาจากการขาดการเตรียมตัวกับความเศร้าที่มากับความสูญเสีย ทุกอย่างมีความพอเหมาะของมันเสมอ ถ้าหากขยายความเศร้าจากการเสียความรักจนเกินพอดีแล้ว ชีวิตก็จะเศร้าเกินความเหมาะความควรไปด้วย การตระหนักถึงความไม่จีรังของความรัก จะทำให้การสูญเสียความรักไม่ทำให้เศร้าจนเกินเหตุ
มนุษย์เรียนรู้ชีวิตจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนในอดีต และจากคนอื่นไม่ว่าจากการบอกเล่า การอ่าน หรือการสังเกตเรียนรู้ก็ตามที คนที่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองไม่เพียงแต่จะ ไม่ทำให้กลายเป็นคน 'เขลาซ้ำซาก' แล้ว ยังทำให้เป็นคนที่ไม่ประมาทอีกด้วย
และคนที่ไม่ประมาทนั้นมักเจ็บตัวน้อยกว่าคนอื่นเสมอ..
ไมเคิล เหลียง นักจัดรายการวิทยุยอดนิยมของฮ่องกงเขียน 'บันทึกช่วยจำสำหรับลูก' ให้ลูกชายได้ประทับใจมาก มีเนื้อหาที่เขาบอกให้ลูกจดจำไว้ในชีวิตหลายข้อที่น่าสนใจ จนขอนำมาสื่อสารต่อ
"..คนที่ทำไม่ดีกับลูก ลูกอย่าได้ติดใจนัก ในชีวิตของลูกไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก นอกจากพ่อกับแม่แล้วใครดีกับลูก ลูกต้องถนอมรัก รู้คุณ"
มีคนจำนวนไม่น้อยบ่นน้อยใจกับการทำความดีแล้วไม่ขึ้น กล่าวคือไม่มีใครซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณ หรือไปไกลถึงกับกล่าวว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย ทำดีแทบตายแต่กลับไม่ได้ดี คนเหล่านี้ต้องอ่านข้อความข้างต้นให้ดีแล้วจะเข้าใจชีวิต เพราะไม่จำเป็นเลยว่าโลกจะต้องให้ความยุติธรรมแก่คุณหรือคนต้องซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณเรา
ไม่มีกลไกอะไรในโลกที่จะทำให้โลกให้ความยุติธรรมแก่เรา หากเข้าใจเช่นนี้ก็ไม่ต้องคาดหวังใด ๆ ทำสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยอมรับภายใต้ความจริงของชีวิต ตลอดจนไม่คาดหวังสิ่งใดจากใคร แล้วก็จะไม่ผิดหวัง อย่าลืมว่า "..ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก.."
แต่เมื่อมีใครดีกับเราแล้ว นอกจากพ่อแม่ซึ่งเป็นที่สุดของที่สุดแล้ว เราต้องให้คุณค่าแก่ความดีที่คนอื่นทำให้กับเรา ถนอมความรักปรารถนาดีที่เขาให้และจงรู้คุณ เพราะเขาไม่มีหน้าที่ต้องทำดีกับเรา แต่เขาก็ยังทำให้
อีกข้อหนึ่งก็คือ "..ความรักเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง และความรู้สึกนี้จะเปลี่ยนได้ตามเวลาและสภาพจิตใจ ถ้าคนที่ลูกรักที่สุดจากลูกไป ขอให้อดทนรอคอยสักหน่อย ให้เวลาค่อย ๆ ชะล้างให้จิตใจค่อย ๆ นิ่งลง ความขมขื่นของลูกก็จะค่อย ๆ จืดจาง อย่าได้ขยายความงดงามของความรักจนเกินงาม และอย่าได้ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควร.."
สำหรับคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาพอควรแล้วจะบอกว่าเมื่ออ่านแล้วมันจริงยิ่งกว่าจริง ในชีวิตของคนเรานั้นจะพบกับความผิดหวังในรัก สูญเสียสิ่งที่เรารักไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ คนรัก ลูกหลาน สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของที่เราให้คุณค่าสูงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เสมอ ถ้าเราทราบความจริงของชีวิตเช่นนี้แล้วจะทำให้เราอยู่ในโลกได้ และอย่างมีความสุขพอควรถึงแม้จะสูญของรักไปก็ตาม
เวลาคือหัวใจสำคัญของการทำใจให้นิ่ง ไม่มียาใดที่มีประสิทธิภาพไปกว่า 'ยาเวลา' ธรรมชาติสร้างให้ความทรงจำของเราเสื่อมไปตามวันเวลาเสมอ คนสูงอายุที่ประสบความทุกข์มามากมายในชีวิต หากความทรงจำไม่เลือนไปก็จะมีความทุกข์เกินสมควรในใจ
ฝรั่งบอกว่ามีอยู่ 3 คำที่จะเตือนใจมนุษย์ให้สู้กับชีวิต ไม่ว่าจะมีอะไรเป็นลบที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราก็ตาม 3 คำนี้ก็คือ 'Life goes on' หรือ ('ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น) ชีวิตดำเนินไปเสมอ' ไม่ว่าแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ผู้คนตายมากมายเท่าใดก็ตาม ชีวิตของคนที่รอด หรือชีวิตของญาติพี่น้องก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่เสมอ คนอยู่ก็อยู่กันต่อไปดิ้นรนต่อสู้กันไป คนหกล้มต้องจำไว้ว่าชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และโอกาสที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งก็มีเสมอ ตราบที่เราไม่ยอมแพ้ และตระหนักถึงความจริงที่ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น 'ชีวิตมันดำเนินไปเสมอ'
ในเรื่องความรัก ผู้ที่เห็นความงามของความรักมากเกินไปจะเจ็บปวดมากกว่าอื่น ๆ เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น ความละเอียดอ่อนของจิตใจกลายเป็นหอกดาบมาทิ่งแทงใจ แต่ถ้าหากเป็นคนที่สังเกตชีวิตของผู้คนอื่นอยู่เนือง ๆ ก็จะรู้ว่าความงามเป็นสิ่งที่เหี่ยวเฉาได้ และเมื่อผนวกกับความรักซึ่งเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งแปรเปลี่ยนได้ตามสภาพจิตใจและเวลา ดังนั้นความงามของความรักจึงมีข้อจำกัดเพราะกลายเป็นสิ่งชั่วคราวไปด้วย
สำหรับผู้ที่ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควรนั้น ก็มาจากการขาดการเตรียมตัวกับความเศร้าที่มากับความสูญเสีย ทุกอย่างมีความพอเหมาะของมันเสมอ ถ้าหากขยายความเศร้าจากการเสียความรักจนเกินพอดีแล้ว ชีวิตก็จะเศร้าเกินความเหมาะความควรไปด้วย การตระหนักถึงความไม่จีรังของความรัก จะทำให้การสูญเสียความรักไม่ทำให้เศร้าจนเกินเหตุ
มนุษย์เรียนรู้ชีวิตจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนในอดีต และจากคนอื่นไม่ว่าจากการบอกเล่า การอ่าน หรือการสังเกตเรียนรู้ก็ตามที คนที่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองไม่เพียงแต่จะ ไม่ทำให้กลายเป็นคน 'เขลาซ้ำซาก' แล้ว ยังทำให้เป็นคนที่ไม่ประมาทอีกด้วย
และคนที่ไม่ประมาทนั้นมักเจ็บตัวน้อยกว่าคนอื่นเสมอ..
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ณ แรกรัก
ชื่อเรื่อง ณ แรกรัก ผู้แต่ง ปาระมิตา แนวโรแมนติกแฟนตาซี จำนวน 462 หน้า สำนักพิมพ์กรีนมายด์ ภาสุระนครแห่งนี้มีเจ้าชายและเจ้าหญิงเป็นแ...

-
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ..อยู่ห่างจากอำเภอเมืองกาญจนบุรีประมาณ ๑๗๕ กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๒๓(กาญจนบุรี-ไทยโยค-ทองผาภูมิ)ระยะทางประมาณ...
-
การขุดค้นแหล่งโบราณคดีดอนขุมเงิน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2548-มกราคม 2549 โดยการสนับสนุนงบประมาณจากงบบูรณาการจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อศึกษาและพัฒ...
-
การเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับแนวคิดไทยในเรื่องต่าง ๆ ของชีวิต มีปัญหาและความจำกัดหลายประการ ทั้งประมาณและประเภทของข้อมูลการตีความ และการวิเคราะห...