ไมเคิล เหลียง นักจัดรายการวิทยุยอดนิยมของฮ่องกงเขียน 'บันทึกช่วยจำสำหรับลูก' ให้ลูกชายได้ประทับใจมาก มีเนื้อหาที่เขาบอกให้ลูกจดจำไว้ในชีวิตหลายข้อที่น่าสนใจ จนขอนำมาสื่อสารต่อ
"..คนที่ทำไม่ดีกับลูก ลูกอย่าได้ติดใจนัก ในชีวิตของลูกไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก นอกจากพ่อกับแม่แล้วใครดีกับลูก ลูกต้องถนอมรัก รู้คุณ"
มีคนจำนวนไม่น้อยบ่นน้อยใจกับการทำความดีแล้วไม่ขึ้น กล่าวคือไม่มีใครซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณ หรือไปไกลถึงกับกล่าวว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย ทำดีแทบตายแต่กลับไม่ได้ดี คนเหล่านี้ต้องอ่านข้อความข้างต้นให้ดีแล้วจะเข้าใจชีวิต เพราะไม่จำเป็นเลยว่าโลกจะต้องให้ความยุติธรรมแก่คุณหรือคนต้องซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณเรา
ไม่มีกลไกอะไรในโลกที่จะทำให้โลกให้ความยุติธรรมแก่เรา หากเข้าใจเช่นนี้ก็ไม่ต้องคาดหวังใด ๆ ทำสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยอมรับภายใต้ความจริงของชีวิต ตลอดจนไม่คาดหวังสิ่งใดจากใคร แล้วก็จะไม่ผิดหวัง อย่าลืมว่า "..ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก.."
แต่เมื่อมีใครดีกับเราแล้ว นอกจากพ่อแม่ซึ่งเป็นที่สุดของที่สุดแล้ว เราต้องให้คุณค่าแก่ความดีที่คนอื่นทำให้กับเรา ถนอมความรักปรารถนาดีที่เขาให้และจงรู้คุณ เพราะเขาไม่มีหน้าที่ต้องทำดีกับเรา แต่เขาก็ยังทำให้
อีกข้อหนึ่งก็คือ "..ความรักเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง และความรู้สึกนี้จะเปลี่ยนได้ตามเวลาและสภาพจิตใจ ถ้าคนที่ลูกรักที่สุดจากลูกไป ขอให้อดทนรอคอยสักหน่อย ให้เวลาค่อย ๆ ชะล้างให้จิตใจค่อย ๆ นิ่งลง ความขมขื่นของลูกก็จะค่อย ๆ จืดจาง อย่าได้ขยายความงดงามของความรักจนเกินงาม และอย่าได้ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควร.."
สำหรับคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาพอควรแล้วจะบอกว่าเมื่ออ่านแล้วมันจริงยิ่งกว่าจริง ในชีวิตของคนเรานั้นจะพบกับความผิดหวังในรัก สูญเสียสิ่งที่เรารักไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ คนรัก ลูกหลาน สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของที่เราให้คุณค่าสูงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เสมอ ถ้าเราทราบความจริงของชีวิตเช่นนี้แล้วจะทำให้เราอยู่ในโลกได้ และอย่างมีความสุขพอควรถึงแม้จะสูญของรักไปก็ตาม
เวลาคือหัวใจสำคัญของการทำใจให้นิ่ง ไม่มียาใดที่มีประสิทธิภาพไปกว่า 'ยาเวลา' ธรรมชาติสร้างให้ความทรงจำของเราเสื่อมไปตามวันเวลาเสมอ คนสูงอายุที่ประสบความทุกข์มามากมายในชีวิต หากความทรงจำไม่เลือนไปก็จะมีความทุกข์เกินสมควรในใจ
ฝรั่งบอกว่ามีอยู่ 3 คำที่จะเตือนใจมนุษย์ให้สู้กับชีวิต ไม่ว่าจะมีอะไรเป็นลบที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราก็ตาม 3 คำนี้ก็คือ 'Life goes on' หรือ ('ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น) ชีวิตดำเนินไปเสมอ' ไม่ว่าแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ผู้คนตายมากมายเท่าใดก็ตาม ชีวิตของคนที่รอด หรือชีวิตของญาติพี่น้องก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่เสมอ คนอยู่ก็อยู่กันต่อไปดิ้นรนต่อสู้กันไป คนหกล้มต้องจำไว้ว่าชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และโอกาสที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งก็มีเสมอ ตราบที่เราไม่ยอมแพ้ และตระหนักถึงความจริงที่ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น 'ชีวิตมันดำเนินไปเสมอ'
ในเรื่องความรัก ผู้ที่เห็นความงามของความรักมากเกินไปจะเจ็บปวดมากกว่าอื่น ๆ เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น ความละเอียดอ่อนของจิตใจกลายเป็นหอกดาบมาทิ่งแทงใจ แต่ถ้าหากเป็นคนที่สังเกตชีวิตของผู้คนอื่นอยู่เนือง ๆ ก็จะรู้ว่าความงามเป็นสิ่งที่เหี่ยวเฉาได้ และเมื่อผนวกกับความรักซึ่งเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งแปรเปลี่ยนได้ตามสภาพจิตใจและเวลา ดังนั้นความงามของความรักจึงมีข้อจำกัดเพราะกลายเป็นสิ่งชั่วคราวไปด้วย
สำหรับผู้ที่ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควรนั้น ก็มาจากการขาดการเตรียมตัวกับความเศร้าที่มากับความสูญเสีย ทุกอย่างมีความพอเหมาะของมันเสมอ ถ้าหากขยายความเศร้าจากการเสียความรักจนเกินพอดีแล้ว ชีวิตก็จะเศร้าเกินความเหมาะความควรไปด้วย การตระหนักถึงความไม่จีรังของความรัก จะทำให้การสูญเสียความรักไม่ทำให้เศร้าจนเกินเหตุ
มนุษย์เรียนรู้ชีวิตจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนในอดีต และจากคนอื่นไม่ว่าจากการบอกเล่า การอ่าน หรือการสังเกตเรียนรู้ก็ตามที คนที่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองไม่เพียงแต่จะ ไม่ทำให้กลายเป็นคน 'เขลาซ้ำซาก' แล้ว ยังทำให้เป็นคนที่ไม่ประมาทอีกด้วย
และคนที่ไม่ประมาทนั้นมักเจ็บตัวน้อยกว่าคนอื่นเสมอ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น