วันอาทิตย์, เมษายน 09, 2560

ใบไม้ : ประชาคม ลุนาชัย จากออล แมก็กกาซีน

  ขณะจ่อมมองมวลใบไม้ล่องไหลไปกับสายธารริน นอกจากนึกถึงต้นธารที่มาของสายน้ำอันยาวไกลแล้ว ยังมองเห็นภาพมวลใบไม้ทั้งหลายที่กำลังเดินทางด้วยพลังของสิ่งอื่น
  ใบไม้เบื้องหน้าเพิ่งปลิดหล่นจากต้นได้ไม่นาน บ้างสีเหลืองแซมน้ำตาล บ้างขั้วใบยังสดเขียว และที่ไหลติดกันมาเป็นแพยาวล้วนแต่ใกล้จะเปื่อยยุ่ย มองแล้วก็ฉุกคิดถึงใบไม้ในป่าใหญ่ที่เคยอาศัยร่มเงา
  ม่านแพรสีเขียวว่ายฟ้อนดูราวกับขบวนแห่แหนอันน่าตื่นตา เริงระบำตามจังหวะดนตรีแห่งสายลมโบยโบก ยามปลายกิ่งเล็ก ๆ ขยับเคลื่อน เหล่าใบไม้ที่เกาะอยู่ตามกิ่งก็พลันสั่นไหวกับกระแสลมอ่อนโยน
  เพียงสั่นไหวด้วยท่าทีเริงร่า มิได้สั่นสะท้านหวาดกลัว ใบไม้ทั้งหลายยังเกาะแน่นกับกิ่งก้าน เต็มเปี่ยมกับพลังชีวิต ดุจเดียวกับคนหนุ่มสาวซึ่งทะยานไปกับความฝันบรรเจิด
  ใบไม้และทุกชีวิตล้วนมีต้นธารที่มา ผลิจากกิ่งที่สยายสู่แสงแดดและสายลม เติบงามกับสายฝนหลั่งรินผ่านฤดูกาล ผนึกแน่นกับนวลเนื้ออันชุ่มหวานของก้านและกิ่ง ทุกครั้งที่สายลมแรงพัดผ่าน ใบไม้เยาว์วัยสั่นเบา ๆ ประดุจเสียงหัวเราะระริก หยอกล้อกับสายลมผู้ผ่านทางด้วยความคึกคะนอง
  จากสีเขียวอ่อนเยาว์สู่ความเข้ม หนาและแกร่งพร้อมรายละเอียดแห่งลายใบฉกาจฉกรรจ์กับแดดจ้าและลมแรง ผงาดรับฝนที่เทกระหน่ำลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าใบไม้เหล่านั้นคืออมตะ ตรึงแน่นกับกิ่งก้านอยู่เช่นนี้นานนิรันดร์
  จนกระทั่งสีเขียวเข้มค่อย ๆ ซีดจาง วสันตฤดูทิ้งป่ากว้างเอาไว้เบื้องหลัง ฟ้าโล่งส่งยิ้มมาพร้อมแสงดาว ดนตรีแห่งสายลมหนาวโหมโรงผ่านยอดเขาทะมึน
  แม้มิได้เดียวดายกับสีสันที่เปลี่ยนไป แต่มวลใบไม้สีเหลืองต่างหวาดหวั่นต่อกระแสลม ไม่เหลือความกล้าหาญที่จะดีดต้นและเริงระบำเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน พวกมันรู้ตัวว่าเรี่ยวแรงลดน้อย ขั้วใบที่ผนึกกับกิ่งก้านมิได้แน่นหนามั่นคงเหมือนก่อน
  ลมหนาวประหนึ่งบทเพลงแห่งการจากลา โหมโรงจากสันภูสูง แตกตัวแทรกผ่านผืนป่ากว้าง ละเลียดเหนือธารหนาวที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ ค่อย ๆ โอบคลุมทุ่งกว้างและเส้นทางของสรรพชีวิต
  มวลใบไม้เหลืองค่อย ๆ ปลิดร่วง บ้างค้างนิ่งบนป่าหญ้า บ้างร่วงลงสู่ลำธารลอยไหลห่างจากลำต้นและก้านกิ่งที่เคยยึดติดไกลออกไป
  เหล่าใบไม้สีเหลืองที่ยังรอชะตากรรมของตนบนกิ่งสูง หากมีดวงตาและมองต่ำลงไปยังโคนต้น ย่อมมองเห็นญาติพี่น้องและผองเพื่อนใบไม้ที่หล่นร่วงลงไปก่อนหน้าก่ายกองทับถมกันเป็นชั้น ๆ และหากมีหัวใจรู้สึก ย่อมจะเศร้าสร้อย จากนั้นหากมีสมองและประสบการณ์ชีวิต ย่อมสำนึกในวิถีที่เป็นไปและสัจธรรมอันไม่อาจหลีกเลี่ยง
  ผมจ่อมมองใบไม้ในกระแสธาร ลมหนาวยังส่งเสียงขับกล่อมเพียงแต่ผมไม่ได้รู้สึกเศร้าและใจหายกับการจากพราก เพราะชีวิตที่ผ่านมาได้พร่ำสอนจนขึ้นใจ ไม่ว่าอะไรก็ตามเกิดมาเพื่อจะดับ การพบพานกับสิ่งไหนก็ตาม ท้ายที่สุดก็ย่อมจะพลัดพรากจากลา
  หันไปอีกทางหนึ่ง กองใบไม้แห้งที่ทับถมล้อมโคนต้นกำเนิดของพวกมันไว้ ประหนึ่งหมู่มวลใบไม้เหล่านั้นพร้อมเปื่อยยุ่ยเพื่อหล่อเลี้ยงรากและลำต้น เพื่อส่งผ่านความอุดมสมบูรณ์ไปสู่กิ่งก้าน และมวลใบพฤกษารุ่นใหม่ที่จะผลิงามรับฤดูกาลต่าง ๆ จนกว่าจะปลิดร่วงลง
  ขณะจ่อมมองใบไม้แห้งในกระแสธาร ผมไม่เพียงเห็นภาพของใบไม้แต่ละวัยที่เปลี่ยนผ่านจากต้นไปจนจบบทสุดท้าย หากเหมือนกำลังสดับบทเพลงชีวิต นอกจากไพเราะและแสนเศร้าแล้ว ยังเปี่ยมด้วยความงาม ความหมายและข้อคิด
  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อจะดับ ไม่ว่าอำนาจ การครอบครอง ความรุ่งเรือง และการยึดติดถือมั่นทั้งปวง
  ไม่เพียงใบไม้ ชีวิตมนุษย์ก็เฉกเช่นกัน..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ณ แรกรัก

ชื่อเรื่อง ณ แรกรัก ผู้แต่ง ปาระมิตา แนวโรแมนติกแฟนตาซี จำนวน 462 หน้า สำนักพิมพ์กรีนมายด์ ภาสุระนครแห่งนี้มีเจ้าชายและเจ้าหญิงเป็นแ...