วันเสาร์, ธันวาคม 23, 2560

ณ แรกรัก

ชื่อเรื่อง ณ แรกรัก
ผู้แต่ง ปาระมิตา
แนวโรแมนติกแฟนตาซี จำนวน 462 หน้า
สำนักพิมพ์กรีนมายด์


ภาสุระนครแห่งนี้มีเจ้าชายและเจ้าหญิงเป็นแฝดเหมือนที่มีใบหน้าสิริโฉม องค์อุษมันกษัตริย์หนุ่มแห่งพยับเมฆาใช้อำนาจในสถานะเมืองแม่ ให้เจ้าชายอัคนิรุทรคู่แฝดผู้พี่เดินทางมาที่เมืองของตน เพื่อให้เจ้าหญิงอุษณีษ์ผู้เป็นน้องสาวได้ดูตัว หากผู้ที่เดินทางไปกลับเป็นแฝดผู้น้องที่ปลอมตัวเป็นชาย

เมื่อมาถึงเมืองพยับเมฆาเพียงเจ้าหญิงอันธิกาได้สบตาองค์อุษมัน หัวใจของเจ้าหญิงก็สั่นไหวและตกหลุมรักกษัตริย์หนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าโหดในสนามรบตั้งแต่แรกพบเลยทีเดียว และด้วยความมั่นใจว่าจะหลอกตาคนอื่น ได้เหมือนอย่างที่เคยสลับตัวกับเจ้าชายผู้พี่ในสมัยเด็ก ทำให้เจ้าหญิงอันธิกาไม่เฉลียวใจว่าความจริงมันจะแตกตั้งแต่ต้น เมื่อองค์อุษมันได้เห็นสรีระอิสตรีของเจ้าชายตัวปลอมโดยบังเอิญ

เรื่องราวความรักแรกพบยังไม่จบแค่คู่เจ้าหญิงอันธิกากับองค์อุษมัน แต่ยังฟินอีกกับคู่เจ้าชายอัคนิรุทรกับเจ้าหญิงอุษณีษ์ ทั้งสองคู่นี้ความลุ้นกับความฟินไม่รองกันเลย

เมื่อเจ้าหญิงอุษณีษ์รู้ความลับของเจ้าชายตัวปลอมตั้งแต่ต้น และเจ้าหญิงไม่อาจปิดบังผู้เป็นพี่ชายได้ จึงเป็นเหตุให้นางต้องปลอมตัวเป็นนางกำนัล ประจำห้องเจ้าชายอัคนิรุทรแห่งภาสุระนครเช่นกัน

ซึ่งเจ้าหญิงอุษณีษ์ในคราบนางกำนัล ต้องคอยหลบเลี่ยงดวงตาทรมานหัวใจและปากอันร้อนร้ายของเจ้าชายอัคนิรุทรแล้ว  นางยังต้องคอยปะทะกับวาดจันทร์เมียลับของเจ้าชายหนุ่มอีก ส่วนเจ้าหญิงอันธิกาก็ถูกองค์อุษมันกลั่นแกล้งให้หัวใจสั่นไหวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่่ในขณะเดียวกันความรักก็เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเจ้าหญิงอันธิกา เมื่อองค์อุษมันมีมเหสีภควดีเป็นเจ้าของ

เรื่องราวความรักของทั้งสองคู่ ผู้เขีียนได้สลับฉากเล่าขณะปลอมตัวกันอยู่ต่างเมือง กลิ่นอายความหวานอบอวลทุกตัวอักษร และความฟินแบบหยิกแกมหยอกเกิดขึ้นทุกเวลา บางครั้งก็เผลอยิ้มให้กับฉากวาบหวิวประมาณว่าหวุดหวิด(จะเสียท่าให้เจ้าชายเจ้าเล่ห์)เป็นระยะ แต่ด้วยชะตาพรหมจรรย์ยังไม่ถึงฆาตเหล่าเจ้าหญิงจึงรอดตัวไปทุกครา

นาน ๆ จะมีนิยายเจ้าหญิงเจ้าชายมาให้อ่าน โทนเรื่องอบอุ่นให้ความรู้สึกละมุนใจ แต่ถึงแม้ ตัวละครพาฝันในแนวแฟนตาซีก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาหลุดจากโลกความเป็นจริง ยังคงดำเนินชีวิตเหมือนมนุษย์ตามปกติ เพียงแต่เป็นเจ้าหญิงเจ้าชายอยู่ในโลกนิยายเท่านั้นเอง  อีกทั้งสำนวนที่ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า ตัวละครผู้สูงศักดิ์รู้คิด รู้พิจารณา ทำให้รู้สึกถึงความฉลาดอย่างที่เจ้าหญิงเจ้าชายควรมี ที่สำคัญพวกเขาจะทำให้เราอมยิ้มไปกับความน่ารักได้ง่าย ๆ เชียว

 สนุกและลุ้นตลอดจริง ๆ  ต่อทุกฉากที่นักเขียนสลับบอกเล่าเรื่องราวของสองคู่พระนาง ที่มีนิยามความรักเกิดขึ้นในใจเพียงแค่สบตา ซึ่งนิยามความรักมักไม่มีที่มาตายตัว

เหมือนอย่างผู้เขียนให้คำนำไว้ว่า..ความรักอาจจะเป็นเรื่องของพรหมลิขิต โชคชะตา วาสนา หรือการเสาะแสวงหาของผู้ที่ต้องการสัมผัสกับมัน ซึ่ง ณ แรกรัก ก็ไม่ได้มีนิยามความรักมาอธิบาย เพราะเพียงสบตา ความรักก็ก่อเกิดขึ้นในใจ



วันศุกร์, ธันวาคม 22, 2560

เพชรเม็ดทราย


ชื่อเรื่อง เพชรเม็ดทราย
ผู้แต่ง แพรพลอย วนัช
หนังสือพิมพ์มือ จำนวน 334 หน้า
แนวโรแมนติกดราม่า

 เป็นนิยายแนวชีวิตต้องสู้ของรตา แต่ก็แอบสะดุ้งไปกับเหตุการณ์หน้าแรก เพราะเริ่มต้นก็ขนลุกกับบรรยากาศความฝันอันหลอกหลอนของรตา แต่นี่ก็เป็นเหตุผลักดันให้รตาตัดสินใจขายบ้าน และหอบทารกน้อยที่เธอรักดั่งดวงใจไปไกลจากฝันร้ายที่หลอกหลอนเธอ

และนั่น ก็ทำให้รตาได้พบกับติณณ์อดีตช่างภาพหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตเพชรเม็ดทราย และด้วยชะตาฟ้าลิขิต(หรือของนักเขียน)ติณณ์ได้เลือกเธอเข้ามาร่วมงานเป็นผู้จัดการรีสอร์ตเพชรเม็ดทรายบนเกาะสมุย สร้างความแปลกใจให้กับหลาย ๆ คนที่เห็นควรว่าผู้จัดการรีสอร์ตน่าจะเป็นผู้ชาย

ทว่ายิ่งได้ทำงานด้วยกันติณณ์ก็มั่นใจว่าเขาตัดสินใจไม่ผิด เพราะรตาอึดยิ่งกว่ายัยศรีทนได้ ไม่ว่างานอะไรเธอทำได้หมด ความสามารถของรตาเป็นที่ถูกอกถูกใจติณณ์ไม่แพ้หน้าตาสวย ๆ ของเธอเลย คราวนี้ล่ะ หัวใจชายหนุ่มที่ไม่คิดสละโสดยิ่งจุดประกายความรู้สึกลึกซึ้งเข้าไปอีก

ซึ่งระหว่างติณณ์และรตาเดินไปตามเส้นทางของชีวิต ตามเส้นทางนั้นก็เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้ามา คล้ายเป็นบททดสอบให้ทั้งสองได้ขบคิดและช่วยกันแก้ไขปัญหา

นิยายโรแมนติกดราม่าเรื่องนี้ทำให้สัมผัสความรักที่ก่อตัวขึ้นในใจติณณ์อยู่เงียบ ๆ

ซึ่งแม้รตาจะมีเบื้องหลังโศกเศร้าและต้องกัดฟันสู้กับชะตาชีวิตอย่างหนัก แต่หลังจากติณณ์เลือกเธอมาทำงานเป็นผู้จัดการรีสอร์ตของเขา ทั้งสองก็ได้สร้างความผูกพันต่อกันจากความใกล้ชิดทีละนิด ๆ จนหยั่งรากลึกพอที่จะยอมรับเธอที่ขึ้นชื่อว่าแม่ม่ายลูกติดได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจใด ๆ

จริง ๆ แล้วจะเป็นคนที่ไม่ค่อยหยิบแนวดราม่ามาอ่านสักเท่าไหร่(ด้วยความรู้สึกส่วนตัว) แต่เพชรเม็ดทรายทำให้อ่านได้ไม่อยากวาง ปูพื้นฐานด้วยปัญหายากจะแก้ไขแต่ก็ใช่จะไม่มีทางออก ตัวนางเอกเข้มแข็งแต่ก็ไม่ถึงกลับแกร่งไปเสียทุกอย่าง มีอ่อนไหว อ่อนแอในบางโอกาสตามธรรมชาติของปุถุชนธรรมดา ส่วนพระเอกที่รักอิสระลึก ๆ ก็เป็นคนมีความรับผิดชอบสูง ถูกใจ คือเล็งนางเอกตั้งแต่แรกเห็น และไม่ปล่อยโอกาสที่จะคว้าตัวมาร่วมงาน (ปิ๊งแบบไม่รู้ตัวรึป่าวนะ) สำคัญสุด ตัวเขามีหัวใจแน่วแน่ไม่วอกแวกง่าย แม้จะเจอคนสวยหุ่นดีอกอึ๋มใส่ชุดว่ายน้ำมายืนโชว์อยู่หน้ากล้องก็ตาม เนื้อเรื่องก็มีความซับซ้อน ในเรื่องนี้จะเด่นในแง่ของสายโลหิต คนนี้เป็นพ่อของนางเอก ส่วนชายหนุ่ม(ที่คาดไม่ถึง)คนนั้นเป็นพ่อของทารกน้อย ตัวพ่อทารกน้อยก็ไม่รู้หรอกว่านี่ลูกตัวเองเพราะแม่เด็กผูกคอตายไปเสียก่อน ซึ่งปมเรื่องค่อย ๆ คลายไปตามพล็อตที่นักเขียนลำดับเรื่องราวมาอย่างดี ก่อนจะจบลงอย่างทุลักทุเล เอ๊ย มีความสุข

สรุปรวม ๆ ก็คือเนื้อเรื่องดีค่ะ แอบหวังแทนนักเขียนว่าเรื่องนี้น่าจะทำละคร








วันอาทิตย์, เมษายน 09, 2560

ใบไม้ : ประชาคม ลุนาชัย จากออล แมก็กกาซีน

  ขณะจ่อมมองมวลใบไม้ล่องไหลไปกับสายธารริน นอกจากนึกถึงต้นธารที่มาของสายน้ำอันยาวไกลแล้ว ยังมองเห็นภาพมวลใบไม้ทั้งหลายที่กำลังเดินทางด้วยพลังของสิ่งอื่น
  ใบไม้เบื้องหน้าเพิ่งปลิดหล่นจากต้นได้ไม่นาน บ้างสีเหลืองแซมน้ำตาล บ้างขั้วใบยังสดเขียว และที่ไหลติดกันมาเป็นแพยาวล้วนแต่ใกล้จะเปื่อยยุ่ย มองแล้วก็ฉุกคิดถึงใบไม้ในป่าใหญ่ที่เคยอาศัยร่มเงา
  ม่านแพรสีเขียวว่ายฟ้อนดูราวกับขบวนแห่แหนอันน่าตื่นตา เริงระบำตามจังหวะดนตรีแห่งสายลมโบยโบก ยามปลายกิ่งเล็ก ๆ ขยับเคลื่อน เหล่าใบไม้ที่เกาะอยู่ตามกิ่งก็พลันสั่นไหวกับกระแสลมอ่อนโยน
  เพียงสั่นไหวด้วยท่าทีเริงร่า มิได้สั่นสะท้านหวาดกลัว ใบไม้ทั้งหลายยังเกาะแน่นกับกิ่งก้าน เต็มเปี่ยมกับพลังชีวิต ดุจเดียวกับคนหนุ่มสาวซึ่งทะยานไปกับความฝันบรรเจิด
  ใบไม้และทุกชีวิตล้วนมีต้นธารที่มา ผลิจากกิ่งที่สยายสู่แสงแดดและสายลม เติบงามกับสายฝนหลั่งรินผ่านฤดูกาล ผนึกแน่นกับนวลเนื้ออันชุ่มหวานของก้านและกิ่ง ทุกครั้งที่สายลมแรงพัดผ่าน ใบไม้เยาว์วัยสั่นเบา ๆ ประดุจเสียงหัวเราะระริก หยอกล้อกับสายลมผู้ผ่านทางด้วยความคึกคะนอง
  จากสีเขียวอ่อนเยาว์สู่ความเข้ม หนาและแกร่งพร้อมรายละเอียดแห่งลายใบฉกาจฉกรรจ์กับแดดจ้าและลมแรง ผงาดรับฝนที่เทกระหน่ำลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าใบไม้เหล่านั้นคืออมตะ ตรึงแน่นกับกิ่งก้านอยู่เช่นนี้นานนิรันดร์
  จนกระทั่งสีเขียวเข้มค่อย ๆ ซีดจาง วสันตฤดูทิ้งป่ากว้างเอาไว้เบื้องหลัง ฟ้าโล่งส่งยิ้มมาพร้อมแสงดาว ดนตรีแห่งสายลมหนาวโหมโรงผ่านยอดเขาทะมึน
  แม้มิได้เดียวดายกับสีสันที่เปลี่ยนไป แต่มวลใบไม้สีเหลืองต่างหวาดหวั่นต่อกระแสลม ไม่เหลือความกล้าหาญที่จะดีดต้นและเริงระบำเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน พวกมันรู้ตัวว่าเรี่ยวแรงลดน้อย ขั้วใบที่ผนึกกับกิ่งก้านมิได้แน่นหนามั่นคงเหมือนก่อน
  ลมหนาวประหนึ่งบทเพลงแห่งการจากลา โหมโรงจากสันภูสูง แตกตัวแทรกผ่านผืนป่ากว้าง ละเลียดเหนือธารหนาวที่ไหลลงสู่ที่ต่ำ ค่อย ๆ โอบคลุมทุ่งกว้างและเส้นทางของสรรพชีวิต
  มวลใบไม้เหลืองค่อย ๆ ปลิดร่วง บ้างค้างนิ่งบนป่าหญ้า บ้างร่วงลงสู่ลำธารลอยไหลห่างจากลำต้นและก้านกิ่งที่เคยยึดติดไกลออกไป
  เหล่าใบไม้สีเหลืองที่ยังรอชะตากรรมของตนบนกิ่งสูง หากมีดวงตาและมองต่ำลงไปยังโคนต้น ย่อมมองเห็นญาติพี่น้องและผองเพื่อนใบไม้ที่หล่นร่วงลงไปก่อนหน้าก่ายกองทับถมกันเป็นชั้น ๆ และหากมีหัวใจรู้สึก ย่อมจะเศร้าสร้อย จากนั้นหากมีสมองและประสบการณ์ชีวิต ย่อมสำนึกในวิถีที่เป็นไปและสัจธรรมอันไม่อาจหลีกเลี่ยง
  ผมจ่อมมองใบไม้ในกระแสธาร ลมหนาวยังส่งเสียงขับกล่อมเพียงแต่ผมไม่ได้รู้สึกเศร้าและใจหายกับการจากพราก เพราะชีวิตที่ผ่านมาได้พร่ำสอนจนขึ้นใจ ไม่ว่าอะไรก็ตามเกิดมาเพื่อจะดับ การพบพานกับสิ่งไหนก็ตาม ท้ายที่สุดก็ย่อมจะพลัดพรากจากลา
  หันไปอีกทางหนึ่ง กองใบไม้แห้งที่ทับถมล้อมโคนต้นกำเนิดของพวกมันไว้ ประหนึ่งหมู่มวลใบไม้เหล่านั้นพร้อมเปื่อยยุ่ยเพื่อหล่อเลี้ยงรากและลำต้น เพื่อส่งผ่านความอุดมสมบูรณ์ไปสู่กิ่งก้าน และมวลใบพฤกษารุ่นใหม่ที่จะผลิงามรับฤดูกาลต่าง ๆ จนกว่าจะปลิดร่วงลง
  ขณะจ่อมมองใบไม้แห้งในกระแสธาร ผมไม่เพียงเห็นภาพของใบไม้แต่ละวัยที่เปลี่ยนผ่านจากต้นไปจนจบบทสุดท้าย หากเหมือนกำลังสดับบทเพลงชีวิต นอกจากไพเราะและแสนเศร้าแล้ว ยังเปี่ยมด้วยความงาม ความหมายและข้อคิด
  เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาเพื่อจะดับ ไม่ว่าอำนาจ การครอบครอง ความรุ่งเรือง และการยึดติดถือมั่นทั้งปวง
  ไม่เพียงใบไม้ ชีวิตมนุษย์ก็เฉกเช่นกัน..

วันเสาร์, เมษายน 08, 2560

ชีวิตมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้

ชีวิตมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ : รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ จากออล แม็กกาซีน

  ไมเคิล เหลียง นักจัดรายการวิทยุยอดนิยมของฮ่องกงเขียน 'บันทึกช่วยจำสำหรับลูก' ให้ลูกชายได้ประทับใจมาก มีเนื้อหาที่เขาบอกให้ลูกจดจำไว้ในชีวิตหลายข้อที่น่าสนใจ จนขอนำมาสื่อสารต่อ

  "..คนที่ทำไม่ดีกับลูก ลูกอย่าได้ติดใจนัก ในชีวิตของลูกไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก นอกจากพ่อกับแม่แล้วใครดีกับลูก ลูกต้องถนอมรัก รู้คุณ"
  มีคนจำนวนไม่น้อยบ่นน้อยใจกับการทำความดีแล้วไม่ขึ้น กล่าวคือไม่มีใครซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณ หรือไปไกลถึงกับกล่าวว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมเลย ทำดีแทบตายแต่กลับไม่ได้ดี คนเหล่านี้ต้องอ่านข้อความข้างต้นให้ดีแล้วจะเข้าใจชีวิต เพราะไม่จำเป็นเลยว่าโลกจะต้องให้ความยุติธรรมแก่คุณหรือคนต้องซาบซึ้งตอบแทนบุญคุณเรา
  ไม่มีกลไกอะไรในโลกที่จะทำให้โลกให้ความยุติธรรมแก่เรา หากเข้าใจเช่นนี้ก็ไม่ต้องคาดหวังใด ๆ ทำสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยอมรับภายใต้ความจริงของชีวิต ตลอดจนไม่คาดหวังสิ่งใดจากใคร แล้วก็จะไม่ผิดหวัง อย่าลืมว่า "..ไม่มีใครมีหน้าที่ต้องทำดีกับลูก.."
  แต่เมื่อมีใครดีกับเราแล้ว นอกจากพ่อแม่ซึ่งเป็นที่สุดของที่สุดแล้ว เราต้องให้คุณค่าแก่ความดีที่คนอื่นทำให้กับเรา ถนอมความรักปรารถนาดีที่เขาให้และจงรู้คุณ เพราะเขาไม่มีหน้าที่ต้องทำดีกับเรา แต่เขาก็ยังทำให้
  อีกข้อหนึ่งก็คือ "..ความรักเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง และความรู้สึกนี้จะเปลี่ยนได้ตามเวลาและสภาพจิตใจ ถ้าคนที่ลูกรักที่สุดจากลูกไป ขอให้อดทนรอคอยสักหน่อย ให้เวลาค่อย ๆ ชะล้างให้จิตใจค่อย ๆ นิ่งลง ความขมขื่นของลูกก็จะค่อย ๆ จืดจาง อย่าได้ขยายความงดงามของความรักจนเกินงาม และอย่าได้ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควร.."
  สำหรับคนที่มีประสบการณ์ชีวิตมาพอควรแล้วจะบอกว่าเมื่ออ่านแล้วมันจริงยิ่งกว่าจริง ในชีวิตของคนเรานั้นจะพบกับความผิดหวังในรัก สูญเสียสิ่งที่เรารักไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ คนรัก ลูกหลาน สัตว์เลี้ยง หรือสิ่งของที่เราให้คุณค่าสูงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เสมอ ถ้าเราทราบความจริงของชีวิตเช่นนี้แล้วจะทำให้เราอยู่ในโลกได้ และอย่างมีความสุขพอควรถึงแม้จะสูญของรักไปก็ตาม
  เวลาคือหัวใจสำคัญของการทำใจให้นิ่ง ไม่มียาใดที่มีประสิทธิภาพไปกว่า 'ยาเวลา' ธรรมชาติสร้างให้ความทรงจำของเราเสื่อมไปตามวันเวลาเสมอ คนสูงอายุที่ประสบความทุกข์มามากมายในชีวิต หากความทรงจำไม่เลือนไปก็จะมีความทุกข์เกินสมควรในใจ
  ฝรั่งบอกว่ามีอยู่ 3 คำที่จะเตือนใจมนุษย์ให้สู้กับชีวิต ไม่ว่าจะมีอะไรเป็นลบที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราก็ตาม 3 คำนี้ก็คือ 'Life goes on' หรือ ('ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น) ชีวิตดำเนินไปเสมอ' ไม่ว่าแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ผู้คนตายมากมายเท่าใดก็ตาม ชีวิตของคนที่รอด หรือชีวิตของญาติพี่น้องก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่เสมอ คนอยู่ก็อยู่กันต่อไปดิ้นรนต่อสู้กันไป คนหกล้มต้องจำไว้ว่าชีวิตก็ต้องเดินต่อไป และโอกาสที่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งก็มีเสมอ ตราบที่เราไม่ยอมแพ้ และตระหนักถึงความจริงที่ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น 'ชีวิตมันดำเนินไปเสมอ'
  ในเรื่องความรัก ผู้ที่เห็นความงามของความรักมากเกินไปจะเจ็บปวดมากกว่าอื่น ๆ เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น ความละเอียดอ่อนของจิตใจกลายเป็นหอกดาบมาทิ่งแทงใจ แต่ถ้าหากเป็นคนที่สังเกตชีวิตของผู้คนอื่นอยู่เนือง ๆ ก็จะรู้ว่าความงามเป็นสิ่งที่เหี่ยวเฉาได้ และเมื่อผนวกกับความรักซึ่งเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งซึ่งแปรเปลี่ยนได้ตามสภาพจิตใจและเวลา ดังนั้นความงามของความรักจึงมีข้อจำกัดเพราะกลายเป็นสิ่งชั่วคราวไปด้วย
  สำหรับผู้ที่ขยายความเศร้าของการเสียความรักจนเกินควรนั้น ก็มาจากการขาดการเตรียมตัวกับความเศร้าที่มากับความสูญเสีย ทุกอย่างมีความพอเหมาะของมันเสมอ ถ้าหากขยายความเศร้าจากการเสียความรักจนเกินพอดีแล้ว ชีวิตก็จะเศร้าเกินความเหมาะความควรไปด้วย การตระหนักถึงความไม่จีรังของความรัก จะทำให้การสูญเสียความรักไม่ทำให้เศร้าจนเกินเหตุ
  มนุษย์เรียนรู้ชีวิตจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนในอดีต และจากคนอื่นไม่ว่าจากการบอกเล่า การอ่าน หรือการสังเกตเรียนรู้ก็ตามที คนที่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองไม่เพียงแต่จะ ไม่ทำให้กลายเป็นคน 'เขลาซ้ำซาก' แล้ว ยังทำให้เป็นคนที่ไม่ประมาทอีกด้วย
  และคนที่ไม่ประมาทนั้นมักเจ็บตัวน้อยกว่าคนอื่นเสมอ..



วันอาทิตย์, ตุลาคม 16, 2559

บันทึกด้วยใจศรัทธา

บันทึกย้อนวันที่13และ14ด้วยใจศรัทธาแม้จะเต็มไปด้วยรอยน้ำตาแห่งความสูญเสีย แต่สำนึกได้ว่าพระองค์ได้ทรงพักผ่อนพระวรกายจริง ๆ แล้ว



ชื่นชมพระบารมีให้อยู่ในความทรงจำตลอดไป



ชื่นชมพระบารมีให้อยู่ในความทรงจำตลอดไป
วันที่ 4 เข้าไปแล้วกว่าฉันจะตั้งสติได้และคิดอยากจะทำบางอย่างเพื่อเป็นการจารึกถึงพระคุณในหลวงที่รักยิ่งของปวงประชาทั่วหล้า ก่อนนั้นฉันเพียงต้องการบันทึกรูปพระองค์ไว้หวังให้เฟซบุ๊คได้ย้อนความทรงจำในทุก ๆ ปี ต่อเมื่อได้ผ่านมาแล้วสามวัน ทำให้ฉันที่นั่งชื่นชมพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อลงในเช้าวันที่สี่ คิดได้ว่าลงแค่ภาพก็จะได้เห็นแค่ภาพ แต่ถ้าเพิ่มข้อมูลพระราชกิจการงานหนักที่พระองค์ทรงรับภาระมาทั้งพระชนม์ชีพ บันทึกเล่มนี้จะส่งต่อด้วยเรื่องราวดี ๆ ของในหลวงตราบชั่วลูกชั่วหลาน ฉันคิดได้ดังนี้จึงลงมือปฏิบัติรวบรวมข้อมูลที่ได้เก็บสะสมไว้ เตรียมพร้อมกับการลงบันทึกในทุก ๆ วัน เริ่มจากภาพวันที่ปวงประชาน้อมเกล้าฯถวายอาลัยส่งดวงพระวิญญาณพระองค์เสด็จฯสู่สวรรคาลัยวันที่ 13 มีขบวนเคลื่อนย้ายวันที่ 14 และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมฉันเช้าวันที่ 15 ซึ่งต่อจากนั้นคือบันทึกปัจจุบัน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป
กราบฝ่าพระบาท
วันที่สี่ เช้าวันอาทิตย์ 16 ตุลาคม 2559



ณ แรกรัก

ชื่อเรื่อง ณ แรกรัก ผู้แต่ง ปาระมิตา แนวโรแมนติกแฟนตาซี จำนวน 462 หน้า สำนักพิมพ์กรีนมายด์ ภาสุระนครแห่งนี้มีเจ้าชายและเจ้าหญิงเป็นแ...